บทเรียน

ลีลาศ

ลีลาศ กีฬาของคนรักการเต้นที่ได้ทั้งความสนุกและการออกกำลังกาย เพราะมีหลากหลายจังหวะด้วยกันซึ่งจะมีจังหวะอะไรบ้างและมีประวัติความเป็นมาอย่างไรวันนี้เรามีข้อมูลมาฝาก

ลีลาศ

ประวัติลีลาศ                                                                                                             กีฬาลีลาศ (Ballroom Dance) คือ กีฬาชนิดหนึ่งที่เน้นความสวยงามพริ้วไหวของผู้เต้น ตามจังหวะต่าง ๆ โดยถือกำเนิดขึ้นในหมู่ชนชั้นสูงฝั่งตะวันตก ที่นิยมใช้การเต้นรำเป็นกิจกรรมในงานสังคม โดยการเต้นรำแต่ละจังหวะมีต้นกำเนิดแตกต่างกัน ดังนี้

ประเภทสแตนดาร์ด

-จังหวะแทงโก้ (Tango)

          แต่เดิมคือจังหวะ มิลองก้า (Milonga) ที่ใช้เต้นกันในโรงละครเล็ก ๆ แต่เมื่อชนชั้นสูงจากประเทศบราซิลไปพบเข้า จึงเริ่มมีการนำมาเต้นรำกันมากขึ้นและชื่อของจังหวะมิลองก้า (Milinga) ก็ถูกเปลี่ยนเป็นจังหวะแทงโก้ (Tango) ในที่สุด


-จังหวะวอลซ์ (Boston Waltz)

          กำเนิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1910 (พ.ศ. 2453) – ค.ศ.1914 (พ.ศ. 2457) ที่บอสตันคลับ ในโรงแรมซาวอย ประเทศอังกฤษ มีชื่อเรียกว่า บอสตัน วอลซ์ (Boston Waltz) ก่อนที่จะเสื่อมสลายลงไป และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยถูกดัดแปลงท่าเต้นให้เข้ากับยุคสมัย

-จังหวะควิกซ์วอลซ์

 ถือกำเนิดขึ้นในตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ในช่วงยุค 60’s ซึ่งเป็นจังหวะที่ต้องใช้พลังสูง เนื่องจากเป็นจังหวะที่มีความเร็ว ถึง 60 บาร์ต่อนาที โดยเน้นที่การรักษาจังหวะให้ต่อเนื่อง เน้นการเต้นแบบอิสระ

-จังหวะฟอกซ์ทรอต
           เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ในทวีปยุโรป โดยนักเต้นประกอบจังหวะคนหนึ่งชื่อ แฮรี่ ฟอกซ์ (Harry Fox) และถูกนำมาดัดแปลงขัดเกลาโดย แฟรงค์ ฟอร์ด (Frank Ford) ประมาณปี ค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) ถึง ค.ศ.1929 (พ.ศ.2472) จนเริ่มแพร่หลาย

-จังหวะควิกซ์สเตป  เป็นจังหวะที่ถูกแตกแขนงมาจากจังหวะฟอกซ์ทรอต เนื่องจากจังหวะฟอกซ์ทรอตมีความเร็วค่อนข้างสูงถึง 50 บาร์ต่อนาที ทำให้นักดนตรีเล่นได้ยาก จึงถูกปรับลดจังหวะลงมาและนำมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นจังหวะควิกสเตปขึ้น และเริ่มแพร่หลายประมาณปี ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) เป็นต้นมา

ประเภทลาตินอเมริกัน
 
– จังหวะแซมบ้า (Samba)

          มีต้นแบบมาจากแถบแอฟริกา แต่ถูกพัฒนาจนเป็นที่นิยมในประเทศบราซิล ซึ่งจังหวะแซมบ้าได้ถูกยอมรับให้เป็นจังหวะที่สามารถเข้าแข่งขันในมหกรรมการแสดงระดับโลกที่นิวยอร์คได้ เมื่อปี ค.ศ.1939 (พ.ศ. 2482) และอีกสิบปีต่อมาจังหวะแซมบ้าก็ถูกยอมรับกันอย่างแพร่หลายในปี ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) – ค.ศ.1949 (พ.ศ. 2492)

– จังหวะรุมบ้า (Rumba)

          ถูกนำเข้าไปยังประเทศอเมริกาโดยทาสชาวแอฟริกัน และถูกพัฒนาต่อจนกระทั่งมีตำราการเต้นรำเกิดขึ้น ซึ่งตำราเล่มนั้นเป็นที่แพร่หลายทำให้จังหวะรุมบ้าได้รับการยอมรับในที่สุด

– จังหวะแมมโบ้ (Mambo)

          เป็นจังหวะที่ตั้งขึ้นจากชื่อของหมอผีในประเทศเฮติ เป็นการผสมผสานการเต้นในแบบ แอฟริกัน-คิวบัน และนิยมเต้นกันในคิวบา โดยเริ่มแพร่หลายเมื่อ เปเรซ ปราโด (Perez Prado) นักดนตรีชาวคิวบา นำเอาจังหวะนี้มาเล่นในประเทศเม็กซิโก และได้รับการบันทึกเป็นแผ่นเสียง ในปี ค.ศ.1951 (พ.ศ. 2494) จนถูกเรียกว่าเป็น ราชาแห่งแมมโบ้ (Mambo King)

– จังหวะ ชะ ชะ ช่า (Cha Cha Cha)

          ถูกพัฒนามาจากจังหวะแมมโบ้ (Mambo) ซึ่งตั้งขึ้นจากการเลียนเสียงรองเท้ากระทบพื้นขณะเต้นรำ โดยถูกพบเห็นครั้งแรกที่ประเทศอเมริกา และแพร่หลายไปยังแถบยุโรป จากนั้นก็ได้รับความนิยมอย่างจริงจังในช่วงปี ค.ศ.1956 (พ.ศ. 2499) ก่อนที่จะถูกตัดทอนชื่อลงเป็น ชาช่า (Cha Cha) แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงเคยชินกับ ชะ ชะ ช่า (Cha Cha Cha) มากกว่า

– จังหวะไจว์ฟ (Jive)

          กำเนิดขึ้นในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ราวปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) เป็นจังหวะเต้นรำในแบบที่เน้นจังหวะจะโคน และการสวิง โดยถูกดัดแปลงมาจากดนตรีในหลายจังหวะ ทั้ง ร็อกแอนด์โรล แอฟริกัน และ อเมริกันสวิง เป็นต้น ซึ่งในการเต้นนั้นจะเน้นการดีด สะบัด และเตะปลายเท้า ซึ่งต้องใช้ความสนุกสนานในการเต้นและใช้พลังสูง

– จังหวะปาโซโดเบล (Pasodoble)

          เป็นดนตรีที่มีจังหวะ 2/4 คล้ายเพลงมาร์ชของสเปน ใช้ในช่วงพิธีกรรมที่นักสู้วัวกระทิงกำลังเดินลงสู่สนาม และขณะกำลังจะฆ่ากระทิง ก่อนจะพัฒนามาเป็นจังหวะเต้นรำ โดยฝ่ายชายจะเปรียบเสมือนนักสู้วัวกระทิงที่จะบังคับร่างของคู่เต้น ซึ่งเป็นเสมือนผ้าสีแดง ให้แกว่งไปมาในลักษณะเดียวกับกำลังสะบัดผ้า เพื่อยั่ววัวกระทิง และจะเต้นโดยการย้ำส้นเท้านำเป็นจังหวะอย่างเร็ว ไม่ค่อยใช้สะโพกเคลื่อนไหวเท่าไหร่นัก

ลีลาศ

กติกาลีลาศ

ผู้แข่งขัน

          – เป็นคู่เต้น ชาย 1 คน หญิง 1 คน

การให้คะแนน

          – การเต้นให้ลงจังหวะกับดนตรี และ ดูพื้นฐานของการเต้นว่าถูกต้องหรือไม่

          – ดูการทรงตัวของลำตัว มีความสัมพันธกับคู่เต้น

          – ดูการเคลื่อนไหวให้พริ้วไหว สวยงาม

          – การออกแบบการแสดง การเลือกดนตรีประกอบ และการเปลี่ยนท่าในช่วงต่อจังหวะ

          – การใช้เท้าในการเคลื่อนไหว จะต้องถูกต้องตามหลักเกณฑ์

          – การใช้พื้นที่ฟลอร์ในการเต้น จะต้องหลบหลีกคู่เต้นอื่น และไม่ไปรบกวนการเต้นของผู้อื่นด้วย

          – ซึ่งส่วนประกอบต่าง ๆ ในการให้คะแนน มีสัดส่วนเท่ากัน

ขอบคุณข้อมูลจาก https://hilight.kapook.com/view/71743